การก่อการร้าย: สื่อโลกตะวันตกต้องให้ความสมดุลในการกล่าวหา
11 May 2015
1240
โดย อุสตาซอับดุชชะกูร์ บินชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)
shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วย พระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์พระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน
จาก การรายงานของสื่อทั่วโลกถึงเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้า โจมตีสำนักงานของ "ชาร์ลี เฮบโด" หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จอมเสียดสีของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย
หรือการสังหารตัวประกันญี่ปุ่น 2 คนและเผานักบินจอร์แดนทั้งเป็นในกรงเหล็กของกลุ่มISและ ปฏิบัติการอื่นๆที่ผิดหลักมนุษยธรรมของมุสลิมในที่ต่างๆสื่อโลกตะวันตกจะ ประณามผู้ก่อเหตุ จะโจมตีว่ามุสลิมก่อการร้ายซึ่งตามหลักอิสลามก็ไม่ได้สนับสนุนซ้ำยังประณาม การกระทำดังกล่าวตลอดมา

โดยเฉพาะแถลงการณ์ของสหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ (IAMS)
(โปรดดู
https://www.facebook.com/iumsonline ,
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423753301,
http://www.deepsouthwatch.org/node/6658)
เหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้กระแสการวาดกลัวอิสลามและมุสลิมอย่างเหมารวมในยุโรป อเมริกา และทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยรุนแรงเพิ่มขึ้น
ล่าสุดวันที่ 12กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มือปืนอเมริกันกราดยิงมุสลิมผู้บรืสุทธิ์เสียชีวิตไป 3 รายในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา อเมริกา
เอเอฟพีรายงานว่า– วานนี้ (12 ก.พ.) ครอบครัวของหนุ่มสาวชาวมุสลิม 3 คน ที่ถูกเพื่อนบ้านกราดยิงเสียชีวิตในสหรัฐฯ ได้กล่าวร่ำลาผู้เสียชีวิตในสภาพน้ำตานองหน้า พร้อมกับกำชับให้ทางการสืบสวนเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ โดยถือเป็นการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง
ประชาชนกว่า 5,000 คนหลั่งไหลไปร่วมไว้อาลัย ดีอาห์ ชาดดี บารากัต นักศึกษาชายวัย 23 ปี และ ยูซอร์ โมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา ภรรยาหมาดๆ วัย 21 ตลอดจนน้องสาวของเธอชื่อ ราซัน โมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา วัย 19 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของสหรัฐฯ ระบุว่า ถูกเพื่อนบ้านคนหนึ่งสังหารในเมืองแชเปิลฮิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา
ทั้งนี้ เชื่อกันว่า เครก สตีเฟน ฮิกส์ วัย 46 ปี ผู้ต้องหาในคดีกราดยิงครั้งนี้ มีจุดยืนต่อต้านศาสนาอย่างรุนแรง เนื่องจากเขาเคยโพสต์ข้อความโจมตีศาสนาผ่านทางเฟซบุ๊กอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งใช้ถ้อยคำประณามศาสนาคริสต์ ลัทธิมอร์มอน และศาสนาอิสลาม
ตำรวจสหรัฐฯ ระบุว่า ได้สืบสวนเหตุกราดยิงเมื่อวันอังคาร (10) โดย สันนิษฐานว่ามีชนวนขัดแย้งมาจากการแย่งที่จอดรถ แต่ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตปักใจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจมาจากความเกลียดชังศาสนา
ใน ขณะที่สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ได้เปิดฉากสอบสวนคดีฆาตกรรมควบคู่กับตำรวจสหรัฐฯ ทั้งนี้อัยการกลางมักเข้าตรวจสอบคดี ที่ต้องสงสัยว่ามีแรงจูงใจจากความเกลียดชังอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหากพิสูจน์ได้จริงว่าผู้ต้องหาก่ออาชญากรรม โดยมีความรู้สึกเกลียดชังเหยื่อเป็นแรงกระตุ้น ก็ย่อมได้รับโทษร้ายแรงยิ่งขึ้นไปอีกโมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา พ่อของเด็กสาวที่เสียชีวิต 2 คนยืนกรานว่า “เราแน่ใจว่าลูกสาวของเราถูกทำร้าย” เพราะความเกลียดชังศาสนา
“เด็กๆ พวกนี้ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอย ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากการแย่งที่จอดรถกันแน่นอน” เขากล่าว ขณะถูกรายล้อมด้วยสมาชิกครอบครัวที่กำลังร่ำไห้ ก่อนจะเตรียมละหมาดครั้งสุดท้าย
เขา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ยูซอร์ ลูกสาวของเขาเคยบ่นว่า ฮิกส์ข่มขู่เธอ ด้วยการมาเคาะประตูบ่นเรื่องที่จอดรถ พร้อมทั้งเหน็บปืนไว้ที่เอวThree Killed North Carolina ชาว บ้านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮิกส์เป็นพวกชอบก่อปัญหา เขาชอบชวนเพื่อนบ้านทะเลาะเรื่องที่จอดรถ และพกปืนในที่สาธารณะอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อในท้องที่ทั้งนี้ ในหมู่ประชากร 9.9 ล้านคน ในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนานั้นเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามราว 65,000 คน และชาวมุสลิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองแชเปิลฮิลล์
เหตุสังหารครั้งนี้ได้จุดประกายให้ชาวมุสลิมทั่วโลกพากันโกรธแค้น และพร้อมใจกันประณามผู้ก่อเหตุผ่านทวิตเตอร์ โดยแนบแฮชแท็ก
#ChapelHillShooting และ
#MuslimLivesMatter
โม ฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา พ่อของผู้ตาย ต่อต้านการที่สื่อบิดเบือนภาพลักษณ์ของชาวมุสลิม และชี้ว่า หนุ่มสาวที่ถูกฆ่า และกำลังใจที่พวกเขาได้รับนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของแรงศรัทธา“ศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นอย่างที่คุณได้ยินจากสื่อ ไม่เหมือนในภาพยนตร์ ‘อเมริกันสไนเปอร์’ ” เขาระบุถึงหนังฮอลลีวูดที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตพลแม่นปืนหน่วยซีล ของกองทัพแดนอินทรี ที่ปลิดชีพพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ในสงครามอิรัก
(ที่มา
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=771326509623552&id=454530064636533)
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้นำโลกทั้ง โอบามาของอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และสื่อตะวันตกมิได้ว่าเหตุการครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย มิได้ออกมาแสดงพลังการประณามหรือเรียกร้องหยุดการยั่วยุให้เกลียดชังมุสลิม
ดัง นั้นเหตุการณ์ครั้งนี้หรือหลายครั้งที่ผ่านมาผู้นำโลกและสื่อโลกตะวันตกมิ ได้ให้ความยุติธรรมในการวางตัวซึ่งมันจะเชื้อไฟอย่างดีที่กลุ่มแนวคิดสุด โต่งอ้างความชอบธรรมในการตอบโต้ตะวันตกและจะยิ่ง เพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งในโลกปี 2015 ระหว่างแนวคิดสุดโต่งกับพันธมิตรตะวันตก
มุสลิม หรือมิใช้มุสลิมควรหันมาหยุดการก่อความเสียหายและความหายนะต่อสังคมโลกซึ่ง อัลลอฮฺได้ดำรัสความว่า :"เมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า "จงอย่าก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน" พวกเขากล่าวว่า "เปล่า เราเพียงแต่ต้องการแก้ไขสิ่งต่างๆ ต่างหาก" แท้จริง พวกเขาคือผู้สร้างความเสียหาย แต่พวกเขาหาได้ตระหนักไม่" (อัลบากอเราะฮฺ:11-12)

https://www.facebook.com/454530064636533/photos/a.588645071225031.1073741829.454530064636533/772311269525076/?type=1&theater