5 May 2016
1026
วันที่ 10 พฤษภาคม2559 เวลา 13.00 -17.00 น. ณ. ห้องประชุมจั๊คส์ อัมโยต์ ชั้น 4 อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักการและเหตุผล ประเทศไทยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีแกนนำชาวบ้าน นักเคลื่อนไหว นักต่อสู่เพื่อสิทธิมนุษยชน ถูกคุกคาม ถูกสังหารหรือแม้แต่ถูกบังคับให้หายสาบสูญเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานการณ์การบังคับบุคคลสูญหายในประเทศไทยนั้น จากสถิติที่มีการรวบรวมจากการร้องเรียนโดยคณะทำงานว่าด้วยการบังคับบุคคลให้สูญหายหรือการสูญหายโดยไม่สมัครใจ ระหว่างปี 2523 ถึง 2557 ประเทศไทยมีการบังคับสูญหาย 89 กรณี โดยใน 81 กรณี ยังไม่ได้รับการแก้ไข รวมถึงกรณีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ด้วย[1]และกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2559 นายฟาเดล เสาะหมาน อดีตผู้ต้องขังถูกที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงและศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คนใช้กำลังบังคับเอาตัวและหายสาบสูญไป จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่มีทราบชะตากรรม[2] ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกบังคับให้หายสาบสูญส่วนใหญ่คือผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจรัฐ หรือแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหว หรือนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender)และการบังคับสูญหายจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง หากรัฐมีนโยบายในด้านความมั่นคงหรือการปราบปรามอย่างหนัก อาทินโยบายการปราบปรามการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย และนโยบายสงครามยาเสพติด ในปี 2546[3]และปัจจุบันภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลทหาร ได้มีการประกาศใช้นโยบายบางประการที่ส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิและการคุกคามอย่างกว้างขวางต่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าก็คือ “ปฏิบัติการทวงคือผืนป่า” ซึ่งนโยบายดังกล่าวก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะหนักหน่วงขึ้น ประกอบกับภายใต้รัฐบาลทหาร คสช. ได้มีการออกคำสั่งที่ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขว้าง โดยเฉพาะคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 เรื่อง การยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ[4] และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 13/2559 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ[5]โดยเฉพาะคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2559 ซึ่งเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่จับกุมและควบคุมตัวบุคคลได้ไม่เกิน7 วัน และมีการควบคุมตัวในสถานที่ปิดลับ บุคคลทั่วไปหรือแม้กระทั่งญาติและทนายความไม่สามารถเข้าถึงหรือตรวจสอบการควบคุมตัวบุคคลที่ถูกควบคุมตัวได้ ทำให้บุคคลอยู่นอกความคุ้มครองของกฎหมาย[6]สถานการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะมีการบังคับให้หายสาบสูญเพิ่มขึ้นไปอีก การบังคับให้บุคคลหายสาบสูญถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงและผู้ที่ตกเป็นเหยื่อหรือญาติมักจะไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ ดังจะเห็นได้จากที่ผ่านมารัฐบาลไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการคลี่คลายคดีและสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและลงโทษอย่างเหมาะสมได้รวมทั้งไม่สามารถสืบสวนเพื่อทราบที่อยู่และชะตากรรมของผู้ถูกบังคับสูญหายได้ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อจำกัดทางกฎหมายของประเทศไทย ที่ยังไม่ได้กำหนดให้การบังคับสูญหายเป็นความผิดทางอาญารวมถึงกระบวนการสืบสวนสอบสวนค้นหาความจริงและการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าหายังขาดความอิสระและมีประสิทธิภาพ ระบบการเยียวยาเหยื่อและการคุ้มครองพยานก็ยังไม่ครอบคลุมและมีประสิทธิผล[7] แม้ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการสูญหายโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance (CED)) เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2555 แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งข้อกล่าวอ้างที่มักได้ยินจากฝ่ายรัฐคือ ต้องการที่จะตรากฎหมายขึ้นมารองรับอนุสัญญาดังกล่าวเสียก่อน และแม้จะมีการยกร่างกฎหมายแล้ว โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ในชื่อของร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้สูญหาย พ.ศ. ... แต่ปัจจุบันร่างกฎหมายฉบับนี้ก็ยังไม่ได้ถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาเลย ดังนั้น เนื่องในโอกาสการครบรอบ 2 ปีที่บิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวบางกลอยได้หายตัวไปหลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวไว้เมื่อ 17 เมษายน 2557ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทราบชะตากรรม แม้ที่ผ่านมาจะมีความพยายามใช้กลไกทางกฎหมายเท่าที่มีอยู่และสามารถใช้การได้เพื่อดำเนินการให้มีการสืบหาตัวบิลลี่และนำผู้กระทำผิดมารับโทษ แต่การดำเนินการเหล่านั้นก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้มากนักส่วนการใช้ช่องทางตุลาการในการตรวจสอบการควบคุมตัวโดยมิชอบและขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวตามมาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น ปัจจุบันกระบวนการนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว โดยทุกชั้นศาล ตั้งแต่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกา ต่างก็มีคำพิพากษายกคำร้องดังกล่าว ทั้งนี้ ความไม่คืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนการหายตัวไปของบิลลี่ดังกล่าวและการลอยนวลพ้นผิดของผู้กระทำในอดีตที่ผ่านมาประกอบกับปัจจุบันภายใต้รัฐบาลทหารมีการดำเนินนโยบายและการบังคับใช้กฎหมายลักษณะพิเศษ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการบังคับให้บุคคลสูญหาย สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนจึงได้กำหนดจัดเวทีแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการทบทวนบทเรียนและวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน และจัดทำข้อเสนอของภาคประชาสังคมต่อร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้สูญหาย พ.ศ. ... ตลอดจนร่วมผลักดันให้มีการออกกฎหมายดังกล่าวโดยเร่งด่วนเพื่อที่จะยกระดับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและผลักดันกลไกในการป้องกันการบังคับสูญหายและมีกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น วัตถุประสงค์