Back

‘หุ้นอำพราง’ สัมปทานแร่โปแตชวานรนิวาส

‘หุ้นอำพราง’ สัมปทานแร่โปแตชวานรนิวาส

4 May 2017

1254

  ( ขอบคุณ ภาพจาก  : www.issaranews.org ) เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ 25 มีนาคม 2560 บริษัท ไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด  หรือ ‘ไชน่าหมิงต๋า’  เจ้าของอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่โปแตชที่อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร จำนวน 12 แปลง แปลงละประมาณ 10,000 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 116,875 ไร่  มีอายุอาชญาบัตรพิเศษ 5 ปี  นับตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558  มีวิธีการถือหุ้นที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีพฤติกรรมอำพรางหรือไม่  อย่างไร   ถึงแม้ในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตามลิ้งก์นี้ http://datawarehouse.dbd.go.th/bdw/est/details2.html?jpNo=0105547017409&jpTypeCode=5ข้อมูล ณ วันที่ 23 มีนาคม 2560  จะระบุว่าไชน่าหมิงต๋ามีการลงทุนโดยสัญชาติไทยร้อยละ 51  คิดเป็นจำนวนเงินลงทุน 61,302,000 บาท  สัญชาติจีนร้อยละ 49  ที่มูลค่าการลงทุน 58,898,000 บาท  ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่พยายามควบคุมการลงทุนจากสัญชาติอื่นให้ต่ำกว่าการลงทุนจากสัญชาติไทยที่ส่วนใหญ่คงสัดส่วนไว้ที่ร้อยละ 49 ต่อ 51 ก็ตาม  แต่เมื่อตรวจสอบดูข้อมูลกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทตามเอกสารหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ออกให้ ณ วันที่ 19 มกราคม 2560  และผู้ถือหุ้นของบริษัทตามเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น  แบบ บอจ.5  ณ วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2559  จะพบว่าบริษัทมีกรรมการบริษัททั้งสี่คนถือสัญชาติจีนทั้งหมด  โดยสองในสี่คนของกรรมการบริษัทเป็นผู้มีอำนาจลงนามและประทับตราสำคัญของบริษัท  และสามในสี่คนของกรรมการบริษัทมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในประเทศจีนทั้งหมด  ยกเว้นหนึ่งคนที่ไม่พบว่าเป็นผู้มีรายชื่อถือหุ้นของไชน่าหมิงต๋าจึงไม่มีข้อมูลในส่วนนี้  แต่คาดได้ว่าน่าจะมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในประเทศจีนเช่นเดียวกัน   ในเอกสารหนังสือรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่ออกให้ ณ วันที่ 19 มกราคม 2560 ระบุว่ากรรมการของบริษัทมี 4 คน  ตามรายชื่อดังต่อไปนี้  (1) นายเจียง ซู่เอี้ย  (2) นายหาน อวี้โจว  (3) นายเอี้ย เหวย  และ (4) นายถาน เติงหัว  โดยจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ  นายเจียง ซู่เอี้ย  หรือนายถาน เติงหัว  คนใดคนหนึ่งเท่านั้น  ส่วนในเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น แบบ บอจ.5 ณ วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2559เมื่อนำมาแจกแจงเป็นตารางได้ดังนี้   ตารางแจกแจงผู้ถือหุ้นสัญชาติจีนกับผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยในบริษัท ไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด  ณ วันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2559  
ลำดับที่ ผู้ถือหุ้นสัญชาติจีน ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย
ชื่อ  อาชีพ  ที่อยู่ จำนวนหุ้นที่ถือ ชื่อ  อาชีพ  ที่อยู่ จำนวนหุ้นที่ถือ
1 นายเจียง ซู่เอี้ย - ค้าขาย - 3 ถนนเหอผิง เขตตงเฉิง นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 38,000 นางสาวจิรภา ฉัตรสุวรรณสิริ - ค้าขาย - 50/11 หมู่ 9  แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ 85,500
2 นายหาน อวี้โจว - ค้าขาย - 1 ถนนลิ่วพู่หยวน เขตซีเฉิง นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 96,425 นางสาวกมลพรรณ ประดิษฐ์ - ค้าขาย - 623 ถนนสวนสน ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง ประจวบคีรีขันธ์ 133,000
3 นายเอี้ย เหวย - ค้าขาย - 1071 ถนนชินหมิง เขตซีเฉิง นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 28,500 นางสุนันท์ ฮ้อแสงชัย - ค้าขาย - 1/9 หมู่ 3 ต.โพธิ์เหนือ อ.สามโคก ปทุมธานี 133,000
4 นายสื่อ หมินจื้อ - ค้าขาย - หมู่บ้านกานเจี้ยน ตำบลฝานชุน เมืองเหอจิน มณฑลซานซี สาธารณรัฐประชาชนจีน 153,615 นายสมชาย หวังวงค์ศิริ - ค้าขาย - 101/66 หมู่ 9 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 133,000
5 นายจี้ อวี้เทา - ค้าขาย - 398 หมู่บ้านเส้อตงหยา ตำบลอุนฉวน เมืองจี่โม่ มณฑลซานตุง สาธารณรัฐประชาชนจีน 148,960    
รวม 465,500 484,500
ร้อยละ 49 51
    ข้อมูลนี้บ่งบอกอะไร ?   บ่งบอกว่าไชน่าหมิงต๋าอาจมีการอำพรางผู้ถือหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542  สาเหตุที่ต้องหลีกเลี่ยงความผิดตามกฎหมายดังกล่าวก็เพราะว่าไชน่าหมิงต๋าไม่ต้องการสูญเสียอำนาจการควบคุมและบริหารจัดการบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย  เพราะการสูญเสียอำนาจควบคุมและบริหารจัดการบริษัทนำมาซึ่งไม่สามารถควบคุมการลงทุนและผลประโยชน์จากการลงทุนได้   พฤติกรรมการถือหุ้นเช่นนี้บ่งบอกได้ว่า  ไชน่าหมิงต๋าถือหุ้นทางตรงตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ร้อยละ 49  แต่อาจจะอำพรางโดยถือหุ้นทางอ้อมผ่านบุคคลสัญชาติไทยที่เป็นส่วนของหุ้นอีกร้อยละ 51 ที่กฎหมายกำหนดให้เป็นการถือหุ้นของบุคคลสัญชาติไทย  เหตุท่ี่ไชน่าหมิงต๋าหลีกเลี่ยงความผิดเช่นนี้ได้ก็เพราะกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวไม่มีบทลงโทษชัดเจนว่าคนต่างด้าวที่ถือหุ้นทางอ้อมมีความผิดหรือไม่  รวมถึงไม่มีบทบัญญัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยในส่วนของร้อยละ 51 ว่าจำเป็นจะต้องมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ลงทุนหรือไม่ก็ได้  เพียงแค่กรอกรายละเอียดว่ามีอาชีพค้าขายก็สามารถทำหน้าที่นายหน้าถือหุ้นแทนได้  จึงเป็นไปได้ว่าไชน่าหมิงต๋าอาจจะอาศัยช่องทางนี้ในการอำพรางหุ้นของตน  เพื่อทำให้เข้าเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ว่าเป็นบริษัทสัญชาติไทย  ไม่ได้เป็นบริษัทสัญชาติต่างด้าว  เพราะหากเป็นบริษัทสัญชาติต่างด้าวจะทำให้การประกอบธุรกิจมีความยุ่งยาก  เนื่องจากต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายที่มีข้อห้ามไม่ให้ประกอบธุรกิจทีี่อยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542  ทั้ง 3 บัญชี  ที่กระทบกระเทือนโดยตรงก็คือบัญชี 2 หมวด 3 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ซึ่งการสำรวจและทำเหมืองแร่โปแตชในเขตอำเภอวานรนิวาสที่ไชน่าหมิงต๋าได้รับอาชญาบัตรพิเศษจัดอยู่ในบัญชีนี้  ที่มีขั้นตอนหยุมหยิมและยุ่งยากตรงที่ห้ามมิให้บุคคลหรือนิติบุคคลต่างด้าวทำ  เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี  การอำพรางหุ้นจึงเป็นวิธีหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดีที่สุดเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าเป็นบริษัทสัญชาติไทย  มีสัดส่วนของจำนวนหุ้นทีี่บุคคลสัญชาติจีนถือน้อยกว่าบุคคลสัญชาติไทย  แต่ไปแสดงความเป็นเจ้าของกิจการตรงที่อำนาจในการบริหารบริษัทแทน  ตรงจุดนี้เองที่การให้ผู้มีสัญชาติไทยจัดตั้งบริษัทแต่ผู้มีสัญชาติจีนมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัทนั่นก็เป็นข้อบ่งชี้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วเจ้าของบริษัทตัวจริงคือใคร  ด้วยวิธีการเช่นนี้จึงทำให้อำนาจการครอบงำกิจการเป็นของกรรมการและผู้ถือหุ้นสัญชาติจีนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศจีนทั้งหมด   ในเรื่องของภูมิลำเนาของกรรมการบริษัทและผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทเป็นเรื่องสำคัญมากต่อการแสดงความรับผิดชอบหรือเอาผิดเมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ขึ้นมา  ในกรณีของไชน่าหมิงต๋าจะเห็นได้ว่าสวนทางกับนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรรมการบริษัทกับความรับผิดชอบทางแพ่งและอาญาหากเกิดเหตุต่าง ๆ ขึ้นก็จะเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่งที่จะดำเนินการฟ้องคดีกับกรรมการบริษัทและผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทที่มีสัญชาติและภูมิลำเนาอยู่ต่างแดน  ต่างกับความเป็น ‘บริษัทมหาชนจำกัด’ ที่มีบทบัญญัติอยู่ในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535  มาตรา 67  รวมถึงข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์และข้อบังคับหรือกฎบัตรของบริษัทมหาชนที่สอดรับกับบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวระบุไว้ว่าคณะกรรมการบริษัทต้องประกอบด้วยกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และกรรมการไม่น้อยกว่าก่ึงหน่ึงของจำนวนกรรมการทั้งหมดจะต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย  แต่ไชน่าหมิงต๋าเป็น ‘บริษัทจำกัด’ ที่ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดสร้างกติการองรับในส่วนนี้ไว้  จึงหลีกเลี่ยงข้อบังคับที่เกี่ยวกับความสำคัญของถิ่นที่อยู่หรือภูมิลำเนากับความรับผิดชอบของกรรมการบริษัทไปได้   พฤติกรรมอำพรางหุ้นเช่นนี้เป็นเรื่องที่สวนทางกับการประชาสัมพันธ์องค์กรของตนตลอดมาว่าโครงการเหมืองแร่โปแตชวานรนิวาสเกิดจากความร่วมมือระหว่างสองรัฐบาลไทย-จีน  ถ้าหากว่าโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสองรัฐบาลจริงนั่นแสดงว่ารัฐบาลไทยมีความบกพร่องต่อประชาชนของตนมากจนถึงกับปล่อยปละละเลยให้ไชน่าหมิงต๋าอำพรางหุ้นได้  ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของรัฐไทยบังคับให้ประชาชนต้องเสียสละหรือยอมสูญเสียผลประโยชน์ต่อการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีนเพื่อให้เอกชนของจีนเข้ามาดำเนินธุรกิจแบบไม่คำนึงถึงความรับผิดชอบ  ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนมากเกินสมควร  ล่าสุดไชน่าหมิงต๋ายังแสดงท่าทีแข็งกร้าวโดยจะรายงานปัญหาการขุดเจาะสำรวจแร่โปแตชในพื้นที่อำเภอวานรนิวาสที่ไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่ผ่านมาได้ไปยังรัฐบาลจีนเพื่อให้มากดดันรัฐบาลไทยเร่งแก้ไขปัญหาการเคลื่อนไหวคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ให้ได้  โดยอ้างว่าโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างสองรัฐบาล   สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนถึงความอ่อนแอของรัฐบาลไทยที่ไม่สามารถปกป้องชีวิตและทรัพย์สินและผลประโยชน์ของประชาชนไทยได้  ถึงขั้นที่ยอมอ่อนข้อให้กับรัฐบาลจีนส่งบริษัทเอกชนมาทำอะไรก็ได้บนผืนแผ่นดินนี้  โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบ  ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยในการดำเนินธุรกิจใด ๆ ทั้งสิ้น   พฤติกรรมอำพรางหุ้นของกรรมการบริษัทนี้เข้าข่ายลักษณะ ‘คนต่างด้าว’ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542  บทความชิ้นนี้พยายามไม่ติดกรอบความคิดของกฎหมายดังกล่าว  เนื่องจากนิยามความหมายของ ‘คนต่างด้าว’ ค่อนข้างคับแคบ  มีกรอบคิดแบบชาตินิยมมากเกินไป  ซึ่งเป็นกรอบคิดที่เป็นอุปสรรคปัญหาต่อสังคมพหุวัฒนธรรมหรือความหลากหลายภาษาของชาติพันธุ์  เชื้อชาติและสัญชาติในเขตแดนประเทศตัวเองมากเกินไป  แต่จะพยายามอธิบายเฉพาะในประเด็นของการเกาะเกี่ยวกันระหว่่างการอำพรางหุ้นของไชน่าหมิงต๋ากับความรับผิดชอบ  ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาบ้านเมือง  และการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีนในบ้านเมืองเราเท่านั้น   ตัวอย่างที่ดีที่ควรนำมาศึกษาเปรียบเทียบนั่นก็คือการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่สามารถครอบงำรัฐบาลไทยจนต้องยอมออกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559[[1]] ที่เห็นชอบต่อ  (1) แผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ค.ศ. 2015-2025  เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง  (2) การดำเนินงานเบื้องต้นโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (งานศึกษา  สำรวจ  ออกแบบ)  และ (3) กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานปฏิบัติและประสานงานหลักในการดำเนินการตามแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศ ค.ศ. 2015-2025  และการดำเนินงานเบื้องต้นโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง  ทั้งนี้ก็เพื่อปูทางระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำโขงเพื่อการเดินเรือร่องน้ำลึกที่สามารถรองรับเรือขนาด 500 ตัน  จากปัจจุบันที่เรือในแม่น้ำโขงมีขนาดบรรทุก 60-150 ตัน  กรณีนี้จะเห็นความอ่อนแอของรัฐบาลไทยเมื่อต้องตอบสนองกับการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีนถึงแม้ว่าการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำโขงจะส่งผลกระทบต่อร่องน้ำลึกในอนาคตของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในแม่น้ำโขงระหว่างไทย-ลาว  วิถีชีวิต  วัฒนธรรมและความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพในแม่น้ำโขงก็ตาม  โครงการเหมืองแร่โปแตชวานรนิวาสก็จะมีลักษณะไม่แตกต่างกัน  เพียงแต่โครงการนี้ยังไม่ถูกกดดันอย่างเต็มที่จากรัฐบาลจีน  แต่ถ้าถูกกดดันอย่างเต็มที่จากรัฐบาลจีนเมื่อไหร่ก็เชื่อแน่ว่ารัฐบาลไทยคงจะตอบสนองการร้องขอของรัฐบาลจีนอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้   ทั้งหมดนี้ไม่ว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของเผด็จการทหาร คสช. จะแสดงท่าทีอ่อนแอต่อการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีน  อย่างไรก็ตาม  ปราการที่สำคัญที่สุดคือความรับผิดชอบและความโปร่งใสของบริษัทและการมีส่วนร่วมของประชาชนเท่านั้นที่จะหยุดยั้งอำนาจอันฉ้อฉลต่อประชาชนของรัฐบาลไทยที่สยบยอมต่อการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีนลงได้                                                                   [[1]] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559  เรื่อง  ขอความเห็นชอบแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ค.ศ. 2015-2025  และการดำเนินงานเบื้องต้นโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง

Recent posts