1248
การต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
โดยเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่
ให้หลังประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ได้ 6 วัน ในวันที่ 31 มีนาคม 2563 กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ที่ต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองหินปูนที่ ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู มาอย่างยาวนาน ก็ได้ออกมาอ่านแถลงการณ์แบบเว้นระยะห่างระหว่างกัน (Social Distancing) ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ที่หน้าเหมือง โดยมีชื่อแถลงการณ์ว่า ‘หยุดเหมืองหินปูนดงมะไฟ หยุดละเมิดสิทธิและเสรีภาพโดย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน’
เนื้อหารายละเอียดของแถลงการณ์ดังกล่าว มีดังนี้
“เนื่องด้วยปัจจุบันบ้านเมืองเรากำลังเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิตผู้ได้รับเชื้อ ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคหรือยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง จึงส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคไวรัสโควิด 19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยมีข้อกำหนดข้อหนึ่งที่ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 30 เมษายน 2563 เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ในบ้านเมืองเรา นั้น
“พวกเราในนาม ‘กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได’ ซึ่งเป็นประชาชนของบ้านเมืองนี้ที่ต้องทำการถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญยังเป็นกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านการทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินของบริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด เนื้อที่กว่า 175 ไร่ บนภูผาฮวก ตามประทานบัตรเลขที่ 27221/15393 ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ดังกล่าวโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อวิถีชีวิต สุขภาพ พืชผลทางการเกษตร การคมนาคม ระบบนิเวศน์ และยังต้องสูญเสียพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างถาวร
“การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นการบีบบังคับให้พวกเราไม่สามารถออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพในการคัดค้านการทำเหมืองแร่ดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด สามารถทำเหมืองแร่หินปูนโดยระเบิดภูเขา ทุบย่อยหิน ขนส่งหินจากพื้นที่ข้ามจังหวัดได้ ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ที่มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้เป็นการบังคับใช้หรือปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเป็นธรรมตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือภาครัฐต้องมีคำสั่งให้ บริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด หยุดดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในการทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินด้วยเช่นกัน
“มิเช่นนั้น กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จำเป็นต้องกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ด้วยการออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อปิดเหมืองด้วยตนเอง มิใช่นิ่งเฉยเพื่อให้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน กระทำการฝ่าฝืนสิทธิและเสรีภาพของเราอีกต่อไป”
ต้องถือว่าเป็นแถลงการณ์ที่ค่อนข้างก้าวหน้าของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลพื้นที่หนึ่ง ในขณะที่ประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ยังไม่ลุกขึ้นมาแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่ประชาชนในตำบลดงมะไฟที่ต่อสู้คัดค้านเหมืองแร่มาอย่างยาวนานได้ลุกขึ้นมาแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยไม่เกรงกลัวคำข่มขู่คุกคามของเจ้าหน้าที่รัฐว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี
เพราะเพียงแค่ประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไป 6 วัน กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดก็เริ่มเห็นว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉิน มีปัญหาอย่างมากต่อการละเมิดหรือลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
ต่อจากนั้นก็มีการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น
มีการรับลูกกันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์ฯกับเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ จนเป็นที่มาของแคมเปญและออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 ในชื่อว่า ‘ล็อคดาวน์เหมืองแร่ หยุดฉวยโอกาสให้สัมปทานเหมือง’ โดยมีเนื้อหารายละเอียด ดังนี้
“ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีผู้ที่ต้องกักตัวเฝ้าสังเกตอาการอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ยังส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ย่ำแย่ลงทุกวัน ถึงแม้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
“แต่การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยที่ไม่มีแผนรองรับที่ดี ยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้เดือดร้อนทุกข์ยากแสนสาหัสมากขึ้น ซึ่งเป็นการขยายปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจให้กว้างขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยิ่งนานก็ยิ่งส่งผลให้ประชาชนสูญเสียรายได้ ไร้อาชีพ สร้างความเหลื่อมล้ำ มีคนตกงานหลายล้านคน ประชาชนคนเล็กคนน้อยต้องเข้าแถวรอรับบริจาคอาหารและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ในแต่ละวัน
“นอกจากนี้เงินเยียวยาจากรัฐบาลกลับมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถ้วนหน้า และหลายคนไม่มีทางออกจึงเลือกฆ่าตัวตาย ซึ่งมากถึง 38 ราย หรือครึ่งหนึ่งของการตายจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยภายใต้การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งมีข้อกำหนดข้อหนึ่งในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน โดยการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม - 30 เมษายน 2563 เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทย และมีแนวโน้มว่านายกรัฐมนตรีจะต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน นั้น
“พวกเราประชาชนในนาม ‘เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่’ ซึ่งเป็นประชาชนของประเทศ เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน และผู้ได้รับผลกระทบจากการสำรวจและการทำเหมืองแร่โดยตรงในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินการในการเฝ้าจับตา ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ของภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดตลอดมา เห็นว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการออกมาใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน และเป็นการจำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิต ชุมชน และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่สามารถออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกต่อโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในการสำรวจและการทำเหมืองแร่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังเช่นสถานการณ์ปกติได้
“แต่ในขณะเดียวกันนั้นกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นเป็นปกติ ซึ่งกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นการจำกัดการเข้าถึงของประชาชนในพื้นที่ ยิ่งทำให้ประชาชนขาดการมีส่วนร่วม และเป็นการละเลยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและชุมชน ซึ่งเป็นสิทธิตามธรรมชาติโดยชอบธรรมนั้น
“ดังนั้น เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม พวกเราในนาม ‘เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่’ จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
“1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องหยุดกระบวนการพิจารณาด้านต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การออกใบอนุญาตให้กับโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ทุกประเภทเอาไว้ก่อน จนกว่าจะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้อย่างเป็นปกติ
“2. กรณีที่ผู้ประกอบการทำเหมืองแร่ที่ได้รับการอนุมัติ/อนุญาตให้สำรวจและทำเหมืองแร่ไปแล้วนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน เพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อประชาชนในพื้นที่ต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จากการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมชนของผู้ประกอบการ
“3. กรณีที่ผู้ประกอบการมีความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่จากการสำรวจและทำเหมืองแร่ รวมทั้งมีการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 และต้องต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อีกด้วย”
นี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ที่ทำการต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งยังมีการต่อต้านขัดขืนอีกในหลายพื้นที่ มากไปกว่าเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ด้วย โดยที่รายงานสังคมและการเมืองฉบับนี้ไม่ได้หยิบจับมานำเสนอไว้ ณ ที่นี้.
- อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อมนุษยชาติ -
แรม 1 ค่ำ ดวงจันทร์กลมสีส้มสุก
ผ่อนคลายทุกข์ใจบ้างในคืนเหงา
ต้องกักตัวอยู่กับบ้านอีกนานเนาว์
โควิด 19 จะอยู่กับเรา.. อีกยาวไกล
จง "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"
รัฐประกาศหยุดระบาดให้จงได้
แต่ประชาอยู่กับภาวะยากไร้
ไม่มีเงินยาไส้, ไม่พอกิน
เจลล้างมือกับหน้ากากหาไม่ได้
ถูกเก็บกักตุนไว้หมดสิ้น
นำมาปล่อยขายแพงแก๊งกังฉิน
รัฐบาลไม่ได้ยินว่าโก่งราคา
เราไม่หยุดอยู่บ้านเพื่อชาติหรอก
ไม่ทนฟังคำกลับกลอกรัฐชั่วช้า
แต่อยู่เพื่อมนุษยชาติ.. นะจ๊ะ
น่าคบหากว่าผีห่าผู้ปกครอง.
บทกวีต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได
เผยแพร่อยู่ในเฟซบุ๊กเพจ ‘เหมืองแร่หนองบัว’ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2563
(รายงานสังคมและการเมืองได้ทำการดัดแปลงบทกวีบางส่วนไปจากต้นฉบับเดิม)
ติดต่อประสานงาน - Contact
Tel : 099-014-3797
ทศพร แกล้วการไร่ : ผู้ดูแลเว็บ - Webmaster
Tel : 080-078-4016
อัฎธิชัย ศิริเทศ : บรรณาธิการ - Editor
Tel : 082-178-3849
Email : webmaster@thaingo.org
Office Hours : Mon-Fri , 9.00-17.00
2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
2044/23 New Phetchaburi Road, Bangkapi, Huai Khwang, Bankok 10310
+662 314 4112