7 March 2022
6344
ขอบคุณภาพจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ : https://www.prachachat.net/general/news-48380
พระอาจารย์ดร. ณัฏฐวัฒน์ ตั้งปฐมวงศ์ (ญาณปฺปโภ)*
บทคัดย่อ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ทำให้เกิดกระแส “เครือข่ายสังคมออนไลน์” ที่ได้แพร่เข้ากลุ่มพื้นที่ความเป็นส่วนตัวของหลายคนภายในเวลารวดเร็ว โดยเฉพาะเฟสบุ๊ค ไลน์ ยูทูป ทวิตเตอร์ บล็อก และอินสตาแกรม เป็นต้น การใช้การนำเสนอ และการแชร์ข่าวสาร ข้อมูล ในยุคดิจิทัล เพื่อความรวดเร็ว สดใหม่ ทันต่อสถานการณ์ ทันตามกระแส จนบางครั้งละเลยบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อสังคม สะท้อนให้เห็นถึงปัญหากระทบต่อจริยธรรมจรรยาบรรณต่อพฤติกรรมการใช้สื่อ และชี้ให้เห็นถึงทิศทางอนาคต ที่ต้องเผชิญในยุคสื่อดิจิทัล การรักษาความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ การปฏิบัติงานภายใต้ความรับผิดชอบต่อองค์กร และแนวทางการใช้สื่อสังคม และสื่อออนไลน์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการสื่อข่าว บนความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของมนุษย์ ที่จะมีศีลธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสาร เพื่อสร้างสรรค์สังคมในทางที่ถูกต้อง และการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล จะเป็นทักษะที่สำคัญในการเรียนรู้ และใช้ชีวิตของคน...ไทยในยุคดิจิทัล
คำสำคัญ: ยุคดิจิทัล/คน...ไทยในยุคดิจิทัล/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/วิกฤตจริยธรรมและจรรยาบรรณ
Abstract
The advancement of technology in the digital era. Cause "Social Networking" has spread into the privacy area, of many people within fast time only Facebook, Line, YouTube, Twitter, Blog, and Instagram. The information in the digital era to be fresh and timely to the current situation and sometimes ignore the role. Corporate Social Responsibility reflect the ethical issues affecting media use behavior. And pointing to the future direction. To face in the digital media era treatment reliability corporate responsibility. And how to use social media. And online media. Get the most out of the news, on the mental strength of man. To be morally ethics in the use of communication technology. To create a society in the right way and to know digital media. It is an important skill to learn. And life of people ... Thailand in the digital era.
Key words : Digital Era/Thai People/Critical/Ethics and Code of Ethics
บทนำ
วิกฤตหลายเรื่องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยรูปแบบคล้ายเดิม เปลี่ยนแค่เพียงตัวละครและช่วงเวลาที่เกิดสถานการณ์ ประเทศไทยและชาวไทยเรานี้ เผชิญกับวิกฤตทางสังคมมาหลายครา ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง วิกฤตศาสนา วิกฤตสิ่งแวดล้อม และล่าสุดวิกฤติโรคระบาดจากเชื้อโรคไวรัสโคโรน่าฯลฯ วิกฤตแต่ละครั้งผ่านพ้นไปด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งถูกต้องชอบธรรมและไม่เป็นเช่นนั้น การพัฒนาคุณภาพของคนในสังคม รู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ และปลูกฝังให้รู้ซึ้ง และเข้าใจอุดมการณ์ทางพระพุทธศาสนาให้ได้อย่างแท้จริง อาจนำมาใช้ช่วยเหลือประเทศที่เสื่อมโทรมอยู่ได้ คือพุทธศาสนิกชนได้มีหลักธรรมนำทางในการใช้ชีวิตท่ามกลางวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างรู้เท่าทันความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ในยุคดิจิทัลที่มีต่อรูปแบบการดำเนินชีวิต ครอบครัวไทยในปัจจุบัน ที่แตกต่างไปจากครอบครัวไทยในอดีต ซึ่งผลการสำรวจที่ผ่านมา พบว่า ปัจจุบันสมาชิกในครอบครัวมีเวลาให้กันน้อยมาก พ่อแม่ส่วนใหญ่ทำงานวันละ 7-10 ชั่วโมง และมีความรู้สึกห่างเหินกับลูก (สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว, 2554: 15-16) และยังพบว่า กิจกรรมหลักของคนไทย หมดไปกับการใช้เวลากับสื่อต่างๆ วันละ 3.6 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับเวลาที่ใช้ในการดูแลและบริการสมาชิกในครัวเรือนมีเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2554: 20-21) ขณะเดียวกันเด็กไทยยังตกอยู่ในวัฒนธรรมกิน ดื่ม ช้อป ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันวัยรุ่นใช้เวลาอยู่กับผู้ปกครองน้อยมาก และมีวิถีชีวิตอยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ทำให้เกิดกระแส “เครือข่ายสังคมออนไลน์” ที่ได้แพร่เข้ากลุ่มพื้นที่ความเป็นส่วนตัว ของหลายคนภายในเวลารวดเร็ว โดยเฉพาะเฟสบุ๊ค ไลน์ ยูทูป ทวิตเตอร์ บล็อก และอินสตาแกรม เป็นต้น ซึ่งผลการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า วัยรุ่นไทยมีการใช้โทรศัพท์มือถือในรูปแบบออนไลน์ เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารหลักกับครอบครัวและเครือข่ายเพื่อนสนิท และใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ในการติดต่อกับผู้คนในวงกว้าง (อารยา สิงห์สวัสดิ์, 2552: 3) และจากงานวิจัยของ (สุวิมล วงศ์สิงห์ทอง และคณะ, 2552: 4) พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ ไม่ขึ้นกับอาชีพหรือรายได้ ล้วนสนับสนุนกระบวนการสร้างการเรียนรู้ของเยาวชนตามแนวคิดแบบ Constructionism ที่เน้นให้เยาวชนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้เครื่องมือด้านเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต โดยผู้ปกครองจำนวนมาก ไม่ทราบและไม่สนใจว่าเยาวชนใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเพื่ออะไร ขณะเดียวกันกลุ่มที่ตอบว่าทราบนั้น ได้ข้อมูลจากการคาดเดา โดยส่วนใหญ่เข้าใจว่า เยาวชนใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อการค้นคว้าด้านการศึกษา ในขณะที่ข้อมูลที่ได้จากเยาวชน พบว่า เยาวชนส่วนใหญ่ใช้ เพื่อหาความบันเทิง ด้านการเล่นเกมที่รุนแรง หรือลามก สนทนากับคนแปลกหน้า หรือค้นหาข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากความละเลยของสถานศึกษา ความอ่อนแอของภาครัฐ ในการเผยแพร่ระบบป้องกันภัย ที่ผลิตให้ใช้ภายในประเทศ และการขาดความรู้ด้านเทคนิคของผู้ปกครอง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบการใช้งาน หรือให้คำแนะนำเพื่อป้องกันภัยได้
ปัญหาการใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อความบันเทิงที่ไร้สาระทั้งในแง่เนื้อหาและเวลา หรือความล่อแหลมต่อศีลธรรมและจริยธรรม อันก่อให้เกิดภัยต่อคุณภาพของคนไทยในยุคดิจิทัล นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น จากข้อความดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่านักวิชาการส่วนใหญ่เห็นถึงผลเสียของการสื่อสารบนโลกออนไลน์ มากกว่าผลดี ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ถ้าหากมีการศึกษาเฉพาะกลุ่มผู้ที่ใช้สื่อออนไลน์ในด้านของการสื่อสาร ก็อาจจะพบว่า การใช้สื่อออนไลน์ ก็มีผลดีเท่ากับผลเสียต่อจริยธรรม-จรรยาบรรณก็เป็นไปได้ ดังนั้น จึงเป็นที่มาของบทความชิ้นนี้ว่า “วิกฤตจริยธรรมและจรรยาบรรณของคน...ไทยในยุคดิจิทัล” นี้มีการใช้สื่อออนไลน์ทำการสื่อสารกันอย่างไร เมื่อใช้สื่อออนไลน์แล้วมีผลดีหรือผลเสียต่อจริยธรรม-จรรยาบรรณตามมาอย่างไร และในอนาคตการใช้สื่อออนไลน์จะสามารถส่งผลทำให้เกิด “วิกฤตจริยธรรมและจรรยาบรรณของคน...ไทยในยุคดิจิทัล” ได้หรือไม่
การใช้สื่อออนไลน์ทำการสื่อสารกันอย่างไร
การใช้ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ (User-generated Content หรือตัวย่อ UGC) หมายถึง ข้อมูลที่ผู้รับสาร หรือผู้ใช้สื่อออนไลน์ ผลิตและเผยแพร่บนสื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ และสื่อสังคม (Social Media) เมื่อกล่าวถึงคำว่าสื่อออนไลน์ หมายรวมถึงแพลตฟอร์มทุกประเภท ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และสื่อสังคม เมื่อกล่าวถึงสื่อสังคม มีความหมายถึง โซเชียลมีเดีย (Social Media) ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่ เฟซบุ๊ค ไลน์ ยูทูป ทวิตเตอร์ บล็อก และอินสตาแกรม เป็นต้น ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีทางการสื่อสารได้พัฒนาเข้าสู่ระบบดิจิทัล ทันสมัย รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้เช้าชมเป็นจำนวนมาก และหลากหลายได้ทั่วโลก เป็นยุคแห่งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อคนในยุคนี้ ที่ต้องพัฒนาตนให้ทันกับความทันสมัย ทางการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งในสังคมยุคสื่อดิจิทัล พบว่า เจเนอเรชั่นกลุ่มวัย Gen Z (คนที่เกิด พ.ศ. 2540 ขึ้นไป Generation Z) ของเด็กยุคใหม่จะเติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ และเรียนรู้ได้เร็ว ไม่เพียงแต่การใช้อุปกรณ์การสื่อสาร ที่ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของกลุ่มวัย Gen Z เท่านั้น (ณัฐพล ใยไพโรจน์, 2559: 25-27) รุ่นเบบี้บูมเมอร์ Baby Boomer (คนที่เกิด พ.ศ. 2489-2507) ก็ได้ปรับตนเอง ซึ่งวัยไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ในการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยน ความคิด ทัศนคติ โดยมีอุปกรณ์การสื่อสาร ที่ทันสมัยเป็นตัวกลางหลากหลาย โดยมีระบบของการสื่อสารสังคมออนไลน์ (Social Network) เป็นตัวเชื่อมโยงข้อมูล ในระบบออนไลน์ต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์ม (Platform) เว็บมีเดีย อาทิ Facebook Twitter Instagram Line YouTube ฯลฯ หรือแชทผ่านโปรแกรมเพิร์ช (Pirch) และ ICQ เป็นตัวเชื่อมสื่อสังคม Social media เข้าด้วยกัน กลุ่มต่างๆ เหล่านี้ได้พัฒนาและมีอิทธิพล ในการแสดงความคิดเห็น ทัศนคติ และมุมมองต่างๆ ผ่านสังคมออนไลน์ ยุคสื่อดิจิทัลการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการใช้การนำเสนอ และการแชร์ข่าวสาร ข้อมูล ในยุคดิจิทัล เพื่อความรวดเร็ว สดใหม่ ทันต่อสถานการณ์ ทันตามกระแส จนบางครั้งละเลยบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อสังคม สะท้อนให้เห็นถึงปัญหากระทบต่อจริยธรรมจรรยาบรรณต่อพฤติกรรมการใช้สื่อ และชี้ให้เห็นถึงทิศทางอนาคต ที่ต้องเผชิญในยุคสื่อดิจิทัล
(Porschkub, ออนไลน์: 2563) สื่อดิจิทัล (Digital Media) หมายถึง สื่อที่มีการนำเอาข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว เสียงและวีดีโอ มาจัดรูปแบบ โดยอาศัยเทคโนโลยีความเจริญก้าวหน้า ทางด้านคอมพิวเตอร์ สื่อสารทางออนไลน์ หรือตัวกลางที่ถูกสร้างขึ้น มาจัดการตามกระบวนการและวิธีการผลิต โดยนำมาเชื่อมโยงกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้งาน และตรงกับวัตถุประสงค์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำงานโดยใช้รหัสดิจิทัล แยกแยะระหว่าง "0" กับ "1" ในการแสดงข้อมูล องค์ประกอบของสื่อดิจิทัล ประกอบไปด้วยพื้นฐาน 5 ชนิด ดังนี้ (1) ข้อความ (Text) เป็นส่วนที่เกี่ยวกับเนื้อหาของมัลติมีเดีย ใช้แสดงรายละเอียด หรือเนื้อหาของเรื่องที่นำเสนอ ถือว่าเป็นองค์ประกอบ พื้นฐานที่สำคัญของมัลติมีเดีย ระบบมัลติมีเดียที่นำเสนอผ่านจอ ภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากจะมีรูปแบบและสีของตัวอักษร ให้เลือกมากมายตามความต้องการแล้ว ยังสามารถกำหนดลักษณะของการปฏิสัมพันธ์ ในการโต้ตอบในระหว่างการสนทนาได้อีกด้วย (2) ภาพนิ่ง (Still Image) เป็นภาพที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น เป็นต้น ภาพนิ่ง นับว่ามีบทบาทต่อระบบงานมัลติมีเดีย มากกว่าข้อความหรือตัวอักษร เนื่องจากภาพจะให้ผลในเชิงการเรียนรู้ หรือรับรู้ด้วยการมองเห็นได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายทอดความหมายได้ลึกซึ้ง มากกว่าข้อความหรือตัวอักษร ซึ่งข้อความหรือตัวอักษร จะมีข้อจำกัดทางด้านความแตกต่างของแต่ละภาษา แต่ภาพนั้น สามารถสื่อความหมายได้กับทุกชนชาติ (3) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) ภาพกราฟิกที่มีการเคลื่อนไหว เพื่อแสดงขั้นตอนหรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (4) เสียง (Audio) ถูกจัดเก็บอยู่ในรูปของสัญญาณดิจิทัล ซึ่งสามารถเล่นซ้ำกลับไปกลับมาได้ โดยใช้โปรแกรม ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทางด้านเสียง หากในงานมัลติมีเดีย มีการใช้เสียงที่เร้าใจและสอดคล้องกับเนื้อหาในการนำเสนอ จะช่วยให้ระบบมัลติมีเดียนั้นเกิดความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น (5) วีดีโอ (Video) เป็นองค์ประกอบของมัลติมีเดีย ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิดีโอในระบบดิจิทัล สามารถนำเสนอข้อความหรือรูปภาพ เป็นทั้งภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ที่ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์ มากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่นๆ
การพัฒนาอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี การสื่อสารนวัตกรรมดิจิทัลมีความทันสมัย อำนวยความสะดวกตรงกับความต้องการ ของกลุ่มผู้บริโภคที่ติดตามข่าวสาร ดิจิทัลเป็นสื่อสิ่งใหม่ ที่มีความก้าวหน้าสื่อสารกว้างไกล เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้หรือผู้รับสารได้หลากหลาย การเลือกใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ก็จะเกิดคุณค่าในเชิงบวกต่อสังคม และคนส่วนรวม ทว่าการใช้ผิดประเภทที่ไม่ก่อเกิดการสร้างสรรค์ และคุณประโยชน์แก่สังคม ก็จะส่งผลกระทบตามมาได้ พึงใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้สื่อดิจิทัล อย่างถูกต้องให้เหมาะสมกับงาน โดยมีความสอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย พบว่า พฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต Gen Y เป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตต่อวันสูงสุด โดยในช่วงวันทำงาน หรือวันเรียนหนังสือ ใช้เฉลี่ย 7.12 ชั่วโมง/วัน และมากถึง 7.36 ชั่วโมง/วัน ในช่วงวันหยุด ขณะที่ Gen X และ Gen Z ใช้อินเทอร์เน็ตในวันทำงาน และวันเรียนหนังสือ