27 July 2022
1054
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)ฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดหลักศีลธรรม (อคศ.)
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและผู้อ่านทุกท่าน
สืบเนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ประกาศยกเว้นกัญชาจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยการไม่ระบุว่า พืชกัญชา รวมถึงส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ช่อดอก เป็นสารเสพติดให้โทษ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยไม่มีมาตรการใดๆรองรับในภาษาสื่อเรียกว่าวันปล่อยผี กล่าวคือทำให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย รวมถึงเด็กและเยาวชนอันเป็นอนาคตของชาติสามารถเข้าถึงกัญชา และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จากการบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงการนำกัญชาซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดมาใช้เพื่อประกอบอาหารและนันทนาการ จากเหตุผลดังกล่าวสำหรับชายแดนภาคใต้แล้วน่าจะมีการคัดค้านอย่างหนัก องค์กรแรกที่ออกมาคัดค้านคือสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ วันที่ 14 มิถุนายน 2565 หลังจากนั้นองค์กรภาคประชาชนมุสลิม 25 องค์กร รวมตัวกันในนามองค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและกฎระเบียบที่ขัดจริยธรรม (อคศ.)ในวันที่ 16 มิถุนายน 2565 หลังจากนั้นวันที่ 23 มิถุนายน 2565 สมาพันธ์คณะกรรมการอิสลามห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ อันเป็นองค์กรผู้นำศาสนาที่ดูแลชุมชนมุสลิมทุกพื้นที่ทุกตำบล
#เหตุผลการคัดค้าน “ผิดหลักจริยธรรม ทำลายสุขภาพ เอื้อนายทุน”
องค์กรมุสลิมทุกองค์กรที่มาเคลื่อนไหวสะท้อนตรงกันว่าการปล่อยเสรีกัญชา นั้นเป็นการขัดแย้งกับหลักการอิสลามที่จุฬาราชมนตรีได้วินิจฉัยไว้ในคำวินิจฉัย(ฟัตวา) ที่ 1/2563 ที่ระบุว่าการใช้กัญชง กัญชาเพื่อสันทนาการและความสราญใจ เช่น การกิน การดื่ม สูบ เคี้ยว ดม หรือวิธีใดก็ตาม ถือเป็นฮารอม (สิ่งต้องห้าม) ฐานเดียวกับการดื่มสุรา ยกเว้นการนำมาใช้ในทางการแพทย์หากมีความจำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเห็นทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า "กัญชา" เป็นพืชที่มีสารแคนาบินอยด์หลายชนิดโดยเฉพาะสาร THC ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ และไม่ควรใช้เพื่อการสันทนาการ เพราะอาจทำให้เกิดโทษรุนแรงได้ ผู้ใช้กัญชาด้วยวิธีการใดๆ มีโอกาสได้รับสารแคนนาบินอยด์ในกัญชาที่มีผลกระทบที่รุนแรง โดยเฉพาะต่อหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็ก และเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะมีผลต่อการพัฒนาการของสมองทั้งในแม่และเด็ก และอาจส่งผลต่อสมองของเด็กและวัยรุ่น เช่น พัฒนาการล่าช้า ปัญหาพฤติกรรม เชาวน์ปัญญาลดลง และส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เช่น มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท เสี่ยงต่อการติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพกาย ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงผู้ขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร ในระยะ 6 ชั่วโมงหลังใช้กัญชา จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้สูง และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคจิตประสาท โรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด เพราะอาจมีผลต่อยาและการรักษาที่ได้รับอยู่
เภสัชกรวิบูลย์ คลายนา ที่ปรึกษาสมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์ บอกถึงฤทธิ์ของกัญชาที่ร้ายแรงที่สังคมคาดไม่ถึง
“การเสพกัญชาครึ่งชั่วโมงจะออกฤทธิ์ หลัง 3 ชม.จะกดประสาทแล้วหลอนประสาทเมื่อใช้ไปนานๆ จนทำลายประสาท ความคิด กล้ามเนื้อ จนเสียคน มีการใช้กับทหารที่ผ่านสงครามเพื่อลบความทรงจำระยะสั้น สมองประมวลไม่ได้
เมื่อนำไปผสมในอาหารที่มีความมันจะออกฤทธิ์เยอะ อันตราย เราจึงจะนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องบอกถึงอันตราย มีกระท่อมแล้วจะมาเพิ่มกัญชาอีก เศร้าใจกับสังคมเรา”
นายแพทย์อนันตชัย ไทยประทาน ในนามนักวิชาการแพทย์มุสลิม ได้ให้ความเห็นว่า “ ❝ กัญชาควรอนุญาตให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ปัจจุบันในทางการแพทย์ไม่มีโรคไหนที่ใช้กัญชาเป็นยาตัวแรกในการรักษา แต่จะใช้เป็นยาเสริมเมื่อยาหลักไม่ได้ผลหรือใช้เสริมฤทธิ์กับยาหลักเท่านั้น ที่กำหนดไว้เพียง5-6 โรคเท่านั้น สหประชาชาติจัดกัญชาให้เป็นยาเสพติดประเภท 1 (Schedule 1 และ(Schedule 5) แสดงถึงกัญชาเป็นยาเสพติดที่ก่อให้เกิดการเสพติดสูงและอันตรายต่อสุขภาพ (ห้ามปลูก ห้ามผลิต ห้ามค้าขาย ห้ามครอบครอง ยกเว้นการแพทย์และศึกษาวิจัย) กัญชายังให้เกิดโทษเช่น การทำให้หัวใจเต้นเร็ว ทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบและหัวใจวายฉับพลันเพิ่มขึ้น 4เท่า หากมีการใช้ระยะยาวอาจทำให้ผู้ป่วยอาการเกิดประสาทหลอน หูแว่ว เห็นภาพหลอน หากสูบนานๆก็จะมีผลลมีผลต่อปอดเหมือนบุหรี่และถ้าใช้ในเด็ก จะมีผลต่อการพัฒนาของสมองทำให้ไอคิวจะลดลงถึง 8 จุด ตอนนี้คณาจารย์แพทย์จากหลายมหาวิทยาลัยเริ่มออกมาคัดค้านแล้ว เพราะฉะนั้นในทางแพทย์ จึงไม่เห็นด้วย ที่จะให้เปิดกัญชาเสรีซึ่งจะมีผลร้ายต่อสังคมมาว่าผลดี ผมจึงเห็นว่าควรทบทวนเรื่องการอนุมัติ กัญชง กัญชา ให้ใช้อย่างเสรีและ ขอคัดค้านไม่เห็นด้วย กับข้ออ้างที่จะผูกโยงกัญชากับการพัฒนาเศรษฐกิจ❞
ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ
ประธานฝ่ายวิชาการ การศึกษา และกองทุนวากัฟ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย หัวหน้าฝ่ายวิชาการและการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา สะท้อนว่า การปลดกัญชา จากบัญชียาเสพติด จะยิ่งทำลายชีวิต สังคม และศาสนาซึ่งที่ชายแดนภาคใต้ปัญหานี้ก็วิกฤตอยู่แล้ว สำหรับมุสลิมองค์อัลลอฮฺพระผู้เป็นเจ้า ﷻ จึงทรงมีพระบัญชาให้เตรียมตัวให้แข็งแกร่งอยู่เสมอเพราะจะต้องพบเจอกับมรสุมความเป็นอริศัตรูมากมายจากชนกลุ่มต่างๆ
وَأَعِدُّواْ لَهُم مَّا ٱسۡتَطَعۡتُم مِّن قُوَّةٖ وَمِن رِّبَاطِ ٱلۡخَيۡلِ ... ﴿ الأنفال : ٦٠﴾
“จงเตรียมความพร้อมของพวกเจ้าให้เต็มกำลังความสามารถ เพื่อเผชิญกับพวกเขา (อริศัตรู) ทั้งความแข็งแกร่งและม้าศึก...”
ความแข็งแกร่งที่ปรากฏในอายะฮฺนี้ เปิดให้เข้าใจได้ถึงความแข็งแกร่ง 3 ประการ ได้แก่
1. ความแข็งแกร่งเชิงจิตภาพ
2. ความแข็งแกร่งเชิงกายภาพ
3. ความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างสังคม
ความเข้มแข็งทั้ง 3 ด้านที่อัลลอฮฺทรงสั่งให้เราเตรียมพร้อมนี้ ความเข้มแข็งของจิตใจ ความเข้มแข็งของร่างกาย และความเข้มแข็งของโครงสร้างสังคม จะพังทลายลงทั้งหมด หากเราปล่อยให้ยาเสพติดไม่ว่าจะในรูปใดกัญชา กัญชง กระท่อม ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ครอบงำสังคมของเรายาเสพติดทำให้คนเราสูญเสียอกีดะฮฺ และอุดมการณ์ในชีวิต เพราะมันทำลายสมอง ทำให้ระบบคิดอ่อนแอ เมื่อความคิดอ่อนแอ คนเราไม่สามารถเรียนรู้ให้เข้าใจและเข้าถึงอกีดะฮฺ เมื่อไม่มีอกดะฮฺชีวิตก็อยู่อย่างไร้ค่า
ยาเสพติดทำให้คนเราสูญเสียสุขภาพ มันทำให้ผู้เสพมีร่างกายอ่อนแอลงและมองเห็นคนที่หวังดีเป็นศัตรูได้ ยิ่งเมื่อผู้เสพเป็นเยาวชน ย่อมทำให้สังคมสูญเสียทรัพยากรอันส่งคุณค่าที่สุดไป และจะไม่มีใครคอยปกป้องคุณงามความดี ปกป้องศาสนาไว้ให้คนรุ่นหลังอีก
ยาเสพติดทำให้โครงสร้างสังคมที่ดีพังทลาย เพราะคนติดยาจะเลือกผู้นำโดยไม่พิจารณาความถูกผิดหรือบาปกรรมใดๆ แต่เลือกใครก็ได้ที่หยิบยื่นปัจจัยให้ตนซื้อหายาได้ สังคมยาเสพติดจึงยากจะหาผู้นำที่ดีมาพัฒนาให้แข็งแรงตามที่อัลลอฮฺทรงบัญชา แต่จะได้ผู้นำเลวๆที่จะมาทำให้ยาเสพติดแพร่หลายมากขึ้น
ดังนั้น จึงเห็นองค์กรเครือข่ายต่างๆออกมาคัดค้านโดยเฉพาะ องค์กรเครือข่ายคัดค้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่ขัดหลักศีลธรรม (อคศ.)ได้เดินสายพบองค์กรทางสุขภาพ องค์กรพัฒนาสังคม องค์กรเกี่ยวกับเด็ก เยาวชนและครอบครัว ตลอดจนมัสยิดและองค์กรศาสนาอิสลาม สมาคมอิสลาม สถาบันการศึกษาอิสลาม ทั้งสถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สถาบันอุดมศึกษาอิสลาม เพื่อร่วมมือกันรณรงค์ให้ความรู้ความตระหนักให้แก่นักเรียน นักศึกษา สถาบันครอบครัวและสังคมทั่วไป เพื่อให้งดเว้นการสนับสนุนและการใช้กัญชาทุกรูปแบบ ยกเว้นการใช้ทางการแพทย์ ตามคำวินิจฉัย(ฟัตวา) ที่ 1/2563 ของจุฬาราชมนตรีและความเห็นทางการแพทย์ รวมถึงออกมาชี้แจงผลเสียหรือผลกระทบของกฎหมายกัญชาเสรี ตลอดจนเสนอแนะแนวทางในการป้องกันแก้ไข
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้พรรคการเมืองเห็นแก่คุณภาพชีวิตของประชาชนและเยาวชนอนาคตของชาติมากกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้จากพืชกัญชา ซึ่งท้ายสุดส่งผลทางเมืองในพื้นที่เพราะได้เรียกร้องให้ประชาชนสนับสนุนพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีนโยบายต่อต้านกฎหมายกัญชาเสรี
#ชายแดนภาคใต้ เสนอ “เขตปลอดกัญชา”
26 มิถุนายน 2565 เวลา 20.30-22.00 น.รายการ ที่นี้มีทางออกได้ออกอากาศสะท้อนว่าทำไมกฎหมายกัญชา,สุรา ถึงคลอดออกมาได้?"ภาค 2 โดยมีบาบออาลาวี หรือ คุณมูฮำมัดอาลาวี บือแน อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรค ภูมิใจไทย มาเป็นวิทยากรรับเชิญ นายมูฮัมมัด ตีพอง นายชารีฟ อนันตศาสน์และนายอภิศักดิ์ผแบแอ)หะยีมะ ร่วมเสวนา ซึ่งท้ายสุดได้เสนอแนวคิดการแก้ปัญหาอย่างน่าสนใจคือ การประกาศให้ชายแดนภาคใต้ “เขตปลอดกัญชา”โดยมีการล่ารายชื่อเสนอ โดยเฉพาะให้เยาวชนออกมาขับเคลื่อน