12 June 2023
1693
ต้องยอมรับว่า กระแส พิธา และ ก้าวไกล ได้นำพาความหวัง ครั้งใหม่ ปรากฏไปทั่วอณูแผ่นดิน ราคาผลผลิตจะดี ไหม ? ราคาสินค้า หัตถกรรม งานประดิษฐ์ งานแปรรูป จะกลับมาคึกคักอีกหรือเปล่า ? ทุนและทรัพยากรจะมากมี ทั่วถึง และทิศทางประเทศ ความเรืองรองทางเศรษฐกิจการค้า การขาย การมีงานทำ มีโอกาสใหม่ๆ มีลู่ทาง ให้ไขว่าคว้าจะขยายออกไป ไม่สิ้นสุด ยังไง ?
ผมว่า นี่คือ บรรยากาศที่ดี ของการขยับ เยื้องย่างขนาดเศรษฐกิจประเทศ ชาวนาเริ่มนึกถึงราคาข้าว เมื่อคิดถึงว่า รัฐบาลใหม่จะคิดหาทางออกเจอ ชาวไร่ ชาวสวน ก็คงไม่ต่าง การขยับขนาดเศรษฐกิจเป็นเรื่องท้าทาย ตั้งโจทย์เป็น และ คิดทางออกได้ชัด พร้อมแผนการ ขั้นตอน และ ระยะของการพัฒนาไปทั้งระบบ ไม่ใช่แค่เรื่องค่าแรง จู่ๆ ก็ขึ้น แต่ต้องขึ้นไปด้วยกัน ไม่หนักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
การแก้ไขปัญหาผลผลิตที่ตัววัตถุดิบมีทางออกไม่กว้างนักแต่ถ้า รัฐบาลทุ่มกำลัง งบประมาณ ไปที่การแปรรูป เพื่อแบ่งสัดส่วนวัตถุดิบในตลาดให้ไม่โอเว่อร์ ล้นตลาด ทุ่มงบประมาณที่การเปิดตลาดใหม่ๆ ให้ผลิตภัณฑ์มีทางเดิน การลงทุนที่มองไปที่ระยะยาว ไปที่รากฐาน โดยเรื่องทักษะ กับ ศักยภาพ หรือ ทรัพยากรมนุษย์ อันนี้ ยังไม่มี รัฐบาลไหนทำจริงจัง
2-3 วันนี้ มีการดึง ผู้ประกอบการมาเข้ากลุ่ม หารือ แลกเปลี่ยน และเตรียมสรุปนำเสนอเป็นแผน เชิงนโยบายเพื่อมอบให้รัฐบาลใหม่ ( ก้าวไกล ) ผมว่าน่าสนใจ
ประการแรก คือ เรื่องลงทุนพัฒนาทักษะ หรือ ต่อยอด กลุ่มผู้ประกอบการ ( แปรรูป เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ไวน์ เหล้า เบียร์ ) ปกติคนที่สนใจ เขามีความรู้ มีทักษะอยู่ระดับหนึ่งแล้ว แต่การสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยน ร่วมมือ เชื่อมประสานกัน ตอบสนองเชิงนโยบายได้ ก็ถือว่าเดินไปด้วย ในระดับประเทศ
ประการที่สอง การเริ่มจากกลุ่ม / คน ที่มีศักยภาพก่อน เพื่อให้เกิดรายได้ทันที หรือ มีสินค้าเข้ามาในตลาด เกิดรายได้ เกิดจาการจากงาน เกิดการกว้านซื้อวัตถุดิบ ส่วนนี้ก็คิดว่ารัฐบาล น่าทำเร่งด่วน อนุมัติงบแค่คิดเดียว กับกลุ่มเป้าหมายที่ขาดงบประมาณแค่เพียงเล็กน้อย ก็สามารถผลิตสู่ตลาดได้ทันที กลุ่มนี้ควรมาก่อนและเร่งด่วน
คำว่า ศักยภาพ หมายถึง มีความสามารถ ผลิตสินค้า ออกจำหน่ายได้เลย มีลูกค้า มีการยอมรับ ในคุณภาพ มาตรฐาน ระดับหนึ่ง ขาดแค่ทุนสนับสนุน ซึ่งเคยพูดมาแล้วเมื่อ 6-7 ปีก่อน ที่เดินไปขอกู้เงิน SMEs จากธนาคาร ในตอนนั้น มีเงินหลานหมื่นล้าน แต่กลับไม่ได้ เข้าไม่ถึง ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า ตัวเลขในบัญชียังไม่น่าสนใจ !! หมายถึง มีความเสี่ยง
ความเสี่ยง ในการร่วมทุนกับผู้ประกอบการ แหล่งทุนรัฐ ควรรับส่วนนี้ เพราะธนาคารเอกชน ยอมรับความเสี่ยงไม่ได้มาก แต่รัฐทำได้ เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ให้พร้อมไปสู่การเข้าถึงแหล่งทุนเอกชน
ประการที่สาม ทุนหรืองบประมาณ ผมเข้าใจว่า สถานะทางการเงินประเทศอยู่ในภาวะลำบากมาก เพราะความใหญ่ สุรุ่ยสุร่าย และประสิทธิภาพต่ำ หมายถึง การใช้จ่ายกับผลที่ได้รับ มันไม่คุ้มค่า ไม่ทุ่มทุน จึงทำให้เราแบกภาระหนักอึ้ง แต่ไม่ก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ เราไปหนัก ไปหลงทางกับโครงการ ไม่สร้างฐานเศรษฐกิจ ไม่ลงทุนกับ มโนภาพโรมันติก จำพวก เศรษฐกิจพอเพียง โคกหนองนา มาก หรือ ยื้อแย่งงบ ที่ควรจะนำมาพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ที่ควรจะสร้างสินค้า สร้างรายได้ สร้างงาน หรือ สร้างฐานความแข็งในระดับต่างๆ เรารวยอู้ฟู่จากการ ท่องเที่ยว การเก็งกำไร ขายของซ้ำ จำพวก 1 ผลิตภัณฑ์ 1 โรงงาน แต่ 100 แบรนด์ ที่หนักหนาสาหัส คือ นำเข้าสินค้าจากที่อื่น ราคาถูกๆ จากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น มาปั่นกระแส ปั่นราคา ขาย แต่กลับไม่มีการผลิตจริงจัง ไม่มีการนำไปออก ไปจัดแสดง ในตลาดภายนอก รัฐ ราชการ ส่วนมาก ที่ลงทุนไป ก็จำพวก จัดเอง กินเอง เออเอง ให้นายมาเปิดงาน สวยๆ แล้วก็จบ ไม่มีการท่องเที่ยวจริงๆ ไม่มีการร่วมมือ หรือ สืบต่อ พอไม่มีงบก็เลิก !!
ตอนนี้ เรามีเงินน้อย เศรษฐกิจฝืดเคือง บอบช้ำจากหลายๆ อย่าง จากความล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารมาเกือบ 10 ปี จากการทะเลาะเบาะแว้ง เล่นการเมือง จากการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประสิทธิภาพในการสร้างฐานเศรษฐกิจระดับล่าง แถมเพียบพูนไปด้วยนโยบาย “เตะหมูเข้าปากหมา” จำพวกบัตรสวัสดิการ ร้านธงสีฟ้า ประชารัฐ ฯลฯ ซึ่งเข้าถึงแต่สินค้ากลุ่มทุนหลักๆ ที่ผูกขาด มาจากโรงงาน อานิสงส์ไม่ถึง ผู้ประกอบการ
การผลิตสินค้า การสร้างแบรนด์ การขยายตลาด คือหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจ ในประเทศนี้ เงินจากการท่องเที่ยวแม้จะมา แต่ไม่ยั่งยืน การขายวัตถุดิบส่งออกจากภาคเกษตร อาหารทะเล ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา จะลำบากมากขึ้น ฉะนั้นทางรอดมีทางเดียว คือ ดันกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ ในระดับย่อยๆ ที่มีในประเทศนี้ ให้เข้มแข็ง สร้างเศรษฐกิจไทยให้ได้
คิดเล่นๆ ว่า ถ้าอำเภอหนึ่งๆ มีสินค้า สัก 10 หรือ 20 แบรนด์ ดันออกไปสู่ตลาดโลก อีก 5 ปี หรือ 10 ปี เราจะกวาดรายได้ มาเท่าไหร่ จีนตอนนี้ ถอนหัวหอม กระเทียม ผัก วันนี้ พรุ่งนี้ เต็มตลาดเช้าในประเทศไทย สายหน่อยๆ สินค้าจีน 108 ราคาถูกๆ สารพัดแบรนด์ อย่างเข้ามาทุกช่องทาง คำถามคือ รัฐบาลเขาคิดอย่างไร ? คิดให้ได้แบบนั้น ดันสินค้าไทยกลับคืน ทำให้ได้ดุลการค้าคืนมาบ้าง
ผมว่า ต่อให้ไอ้พวกไดโนเสาร์ เต่าหนักแผ่นดิน ทุรนทุราย หาวิธีการขัดขวาง เสียงประชาชนก็ให้มันทำไป คนพวกนี้ยังไงเดี๋ยวก็แก่ตายห่าหมดแหละ และเราไม่ต้อง ไปคาราวะ อาลัย ลบและลืมตัวตนมันไปให้หมด ส่วนเรา มาร่วมมือ มาจับมือ คิดซะว่า เรามีรัฐบาลแล้ว ในดวงใจเรา เราเลือกมา ตอนนี้ ( สมมติ) รัฐบาลทำงานแล้ว และเราก็ ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล จับมือกัน เชื่อมประสานกัน สร้างตลาด สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ ช่วยกัน ให้มันรู้ไป ว่า ใครมันจะขวางบได้!!
เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน....
.....