Back

แม่สอนผมให้ทำงาน

แม่สอนผมให้ทำงาน

7 July 2025

21

แม่สอนผมให้ทำงาน

ผมยอมรับว่าครั้งหนึ่ง เคยรู้สึกโกรธเค้า และสัญยากับตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่ผมโต ผมจะไปให้ไกล ไปสุดชอบฟ้า เที่ยวท่องพเนจรให้เพียงพอ และผมก็ทำตามนั้นจริงๆ ขึ้นดอย อยู่ในป่าเขา จนพอใจแล้วลงใต้ กวัดไกวในเรือ ลัดเลาะไปตามเกาะแก่ง รอนแรมเสพโลก รวมแล้วเกือบ
20 ปี จู่ๆ วันหนึ่ง ก็ฝันละเมอ ถึงบ้าน เป็นคืนค่ำที่อบอ้าว ผมนั่งเบื่อหน่าย มองกองหนังสือพะเนิน หัวข้องานเขียน ที่ผมวางแผนไว้ ว่าต้องเขียน นั่นคือ อาชีพหารายได้หล่อเลี้ยงปากท้องผม ในห้วงยามหนึ่ง ภาพผนังบ้านเช่า เก่าๆ ฝุ่นเขรอะขระ มีลานทรายขาวโพลน อยู่ด้านหน้า  ในคืนดึกสงัด ลานทรายยามต้องแสงจันทร์ดู สว่างเจิดจ้า สะท้อนเม็ดทรายวิวับงดงาม มีต้นมะพร้าวเรียงราย ทางใบไหวเอน ตามแรงลมทะเล เอื่อยเฉื่อย ยามค่ำคืน ท่าศาลา ในบางค่ำคืนงดงามนัก ก่อนที่นี่จะกลายเป็นเมืองมหาลัยใหญ่โต คลาคล่ำ ท่าศาลาเคยเป็นแค่ ชุมชนชาวประมง ที่แสนเงียบและเรียบง่าย

ผมตื่นมากลางดึก หลังจากละเมอฝัน เป็นตุเป็นตะ แว่วเสียงประหลาด เรียกผมกลับบ้าน ยังดังก้องในหูผม ในฝันที่เหมือนจริงมาก ภาพบ้านเรือน ที่ผมจากมา กลิ่นหอมรวงข้าว ที่โชยมาจากท้องทุ่ง กลิ่นปลาร้า กลิ่นน้ำพริก ต้มปลา ลอยวน ผมสะดุ้งตื่นมา อย่างคนหลงทาง ถามตัวเอง ว่าเราอยู่ที่ไหน ที่นี่ที่ไหน ?

แล้วก็นึกถึงวันจากมาได้ วันขุ่นข้อง เป็นเส้นด้ายสุดท้าย คือคำสัญญา ที่พ่อรับปากไว้ ราวๆ ม.
5 ทั้งชีวิตผม ตั้งแต่จำความได้ มีหน้าที่เป็นงัวงาน ตั้งแต่วัยเยาว์ ราวๆ 8-9 ขวบ ที่เริ่มตั้งแต่ หุงข้าว หาบน้ำ ล้างจาน เด้กอายุเท่านั้น ที่ควรจะได้วิ่งเล่น เหมือนคนอื่นๆ ไปเลี้ยงควาย ไปล่าสัตว์ หาปลา ยิงนก ไปผจญภัย แบบวัยเด็ก แทบไม่มีเลย ตื่นเช้ามา คือ ทอดขนม โม่แป้ง ผ่ามะพร้าว ขูดมะพร้าว นวดแป้ง ทำไส้ขนม คั่วพริกแห้ง ตำพริกป่น สารพัดขนม ที่สลับสับเปลี่ยนมาให้ทำ ขนมครก ดอกจอก นางเล็ด ไข่หงส์ กล้วยแขก ฯลฯ ไปจบสายหน่อย ล้างหม้อกวยเตี๋ยว ตั้งหม้อ ใส่เครื่องเทศ กระดูกหมู แล้วไปโรงเรียน กลับมา ก็หุงข้าว หาบน้ำ หาบน้ำ หาบน้ำ ในยุคอีสานแล้ง อีสานเคยแล้ง ใครก็ตามที่เกิดอยู่บนโลกเกินอายุ 50 ปี จะรู้ดีว่า อีสานเคยแล้ง เคยหาบน้ำ ทั้งวัน น้ำกินน้ำใช้ ที่ไกลถึงท้ายหมู่บ้าน

 

ผมเกิดเป็นลูกแม่ค้า  วนเวียนอยู่แต่ในบ้าน ทำงาน บางวัน วันหยุด ก็อยู่เฝ้าร้านทั้งวัน เพราะพ่อกับแม่ ถ้าไม่เข้าไร่ ก็ไปรับจ้าง คนชนบทที่อยากจะมีกินมีใช้ ต้องทำงานหนัก ทำทุกอย่าง ผมไม่เคยได้ไปวิ่งเล่น จนโต จึงเล่นกีฬาไม่เป็น ล่าสัตว์ไม่เป็น และคุ้นเคยกับการตื่นมาแล้ว ก็ทำงาน ในบ้าน พื้นที่ชีวิตผมอยู่ในครัว ในมุมทำอาหาร หยิบจับ ตัก ปรุง มาตั้งแต่เด็กๆ จนเติบใหญ่ เข้าวัยรุ่น เป็นห้วงยามที่ครอบครัวลำบาก ( ภาวะชีวิตหลังสงคราม ชีวิตคนชนบทแถบชายแดนลำบากยากเข็ญมาก แถมเศรษฐกิจตกต่ำ จากวิกฤติน้ำมัน สินค้าเกษตร พืชไร่ไม่มีราคา ทั้งมันสำปะหลัง ปอ ) ผมในวัยย่างสู่วัยหนุ่ม กำยำ บึกบึนร่างใหญ่มาก  บุกโหมตะลุยเป็นงัวงาน เพื่อแลกกับคำสัญญากับพ่อ คือ มอเตอร์ไซค์ คันใหญ่ 150 CC อาจจะ  TZR NSR หรือ  KR ก็ได้ ปีแล้วปีเล่า ไม่ได้ จนผมขึ้น ม.6 น้อยใจ ไม่อยากได้แล้ว หันหลังให้บ้าน แล้วจากมา

ผมไม่เคยถามตัวเองเลยว่า ทำไมผมใช้ชีวิต ไปเรื่อยๆได้อย่างไม่ลำบากยากเข็ญนัก แม้ว่าตัวเองไม่มีอะไร มีแต่ชีวิตกับขาที่ก้าวไปหน้า  ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ถูกต้อนรับดีเสมอ  ใช้ชีวิตเป็น ได้ความรัก ได้โอกาส ได้ความอาใจใส่ ได้น้ำใจได้มิตรภาพ เยอะมาก

เพราะผมไม่เคยนิ่งเฉย รู้งาน รู้บทบาท ไม่เลือกไม่เกี่ยง ไม่ถือตัว และทำให้ดีที่สุดเสมอ บวกรวมกับทัศนคติเราดี ติดสนุก มีเรื่องตลกเฮฮา และจริงใจในการปฏิสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตเจอแต่คนจริงใจ มากน้ำใจ วันหนึ่งผมก็นึกถึง เสียงแม่ที่เคี่ยวเข็ญให้ผมทำงาน ทำทุกวัน...

 

ไม่รู้ว่าผมแก่มากแล้วหรือเพราะคุ้นเคยกับชีวิตการทำงานมาแต่เด็ก ถ้าเป็นสนิทกันผมจริงๆ ผมมักจะดุ หรือ ตำหนิ การเลี้ยงดูลูกหลานของเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ การไม่ยอมอบรม บ่มนิสัย หนึ่ง คือเรื่องสัมมาคารวะ มีมารยาท พื้นฐาน และสอง  ไม่อบรมบ่มนิสัย สั่งสอน เคี่ยวเข็ญให้เขารู้จักความรับผิดชอบ การช่วยทำงาน เกือบ 100% ปล่อยปละละเลยมาก กลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ อารมณ์ก้าวร้าว ไม่มีมารยาท ไม่แบ่งเบา ไม่ทำงานบ้าน ไม่กระตือรือร้นช่วยงาน ดูแลงานบ้านงานครัว ล้างจานหุงข้าว ไม่สนใจช่วยพ่อแม่ หยิบจับทำงานเลย

ผมเห็นแล้ว บอกตรงๆ น่ารำคาญมาก ผมนี่บางทีถึงกับหงุดหงิด เดินหนีเลย เกลียดภาพพวกนี้ เกลียดความขี้โอ๋ ประคบประหงม ของเพื่อน พี่น้อง... เพราะวันหนึ่งเราจะได้เด็ก ที่ประหลาด ได้ทรัพยากรมนุษย์ที่ป่วยจิต เปราะบางและซึมเศร้า
!!!

Recent posts