โดย.. อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
25 ตุลาคม 2568 เป็นวันครบรอบ 21 ปี ของโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ซึ่งเป็นการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างรุนแรง นำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนถึง 85 ราย ทั้งจากการถูกยิง และจากการเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวอย่างทารุณบนรถบรรทุกอย่างแออัด
เหตุการณ์ในวันนั้นได้ฝากร่องรอยบาดแผลลึกไว้ในใจของผู้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รอดชีวิตอย่าง “แบมะ” มามะรีกะห์ บินอุมา ที่ต้องแบกรับความทรงจำจากการถูกสั่งให้นอนทับกับเพื่อนร่วมชะตากรรม เรื่องราวของท่านคือประจักษ์พยานที่ย้ำเตือนว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นอาชญากรรมของรัฐที่ไม่อาจถูกลืม
ความหวังที่สิ้นสุดลงตามอายุความ
ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ผู้รอดชีวิตและครอบครัวผู้สูญเสียยังคงต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แม้จะมีความหวังเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่ศาลนราธิวาสมีคำสั่งรับฟ้องคดีที่ชาวบ้านฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนคดีจะหมดอายุความเพียง 63 วัน
อย่างไรก็ตาม ความหวังนั้นก็ต้องดับลง เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์ ได้มาถึง แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดปรากฏตัว ต่อศาลตามเงื่อนไขเพื่อยืดอายุความ คดีตากใบจึงหมดอายุความไปโดยปริยาย นับเป็นความสูญเสียซ้ำซ้อนที่ตอกย้ำว่า ตลอด 21 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดต้องรับผิดชอบต่อการกระทำอันทารุณในวันนั้น
* 25 ตุลาคม 2547: โศกนาฏกรรมตากใบ
* 25 ตุลาคม 2567: คดีหมดอายุความ (ครบ 20 ปี)
* 25 ตุลาคม 2568: ครบรอบ 21 ปี เหตุการณ์ และครบรอบ 1 ปี ที่คดีหมดอายุความ
ข้อเรียกร้องเพื่อยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด
ในวาระครบรอบ 21 ปีนี้ ขบวนเคลื่อนไหวนิสิตนักศึกษาปาตานี (Students Movement) และ สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญที่สอดคล้องกัน เพื่อต่อต้าน "วัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด" และยืนยันหลักการที่ว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่มีวันหมดอายุ"
ประเด็นข้อเรียกร้องหลัก:
- รื้อฟื้นคดีตากใบ เรียกร้องให้รัฐไทยรื้อฟื้นคดีอย่างเป็นทางการ และยืนยันว่า "อาชญากรรมโดยรัฐ" ที่มีลักษณะเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง (Crime Against Humanity) ต้องไม่มีอายุความ
- ตั้งคณะกรรมการอิสระ จัดตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริงอย่างเป็นอิสระ เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์อย่างโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
- ปฏิรูปโครงสร้างความมั่นคงและกฎหมาย เรียกร้องให้ปฏิรูประบบบริหารจัดการพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ โดยเคารพสิทธิมนุษยชน และเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับอายุความและการชันสูตรพลิกศพ รวมถึง ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก ในพื้นที่ เพื่อยุติการใช้อำนาจทหารอย่างกว้างขวาง
- แสวงหากลไกสากล เสนอให้รัฐบาลศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ กลไกระหว่างประเทศ ในการแสวงหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ตากใบ รวมถึงการยอมรับขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ
เสียงเตือนจากผู้รอดชีวิต
คำขอสุดท้ายจากผู้รอดชีวิตอย่าง แบมะ มามะรีกะห์ บินอุมา ยังคงดังก้องเตือนสังคมและรัฐอย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า: “อย่าให้เหตุการณ์แบบตากใบเกิดขึ้นอีกเลย”
บาดแผลตากใบ คือบทเรียนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ที่ร่วมกับเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 พิสูจน์ให้เห็นว่า อำนาจรัฐที่ไม่มีการตรวจสอบและไม่ต้องรับผิดชอบ สามารถสร้างโศกนาฏกรรมซ้ำซ้อนได้ การรำลึกถึงตากใบจึงเป็นการยืนหยัดเพื่อความจริงและความยุติธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรงและการลอยนวลพ้นผิดเกิดขึ้นซ้ำรอยในสังคมไทย