ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ MWG ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องมาตรการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ หลังภาคใต้ประสบมหาอุทกภัยรุนแรงสุดในรอบ 25 ปี

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ MWG ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องมาตรการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ หลังภาคใต้ประสบมหาอุทกภัยรุนแรงสุดในรอบ 25 ปี

1 December 2025

79

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ MWG ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องมาตรการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ หลังภาคใต้ประสบมหาอุทกภัยรุนแรงสุดในรอบ 25 ปี

 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group หรือ MWG) ออกจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการคุ้มครองและช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ภาคใต้ หลังเกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และสตูล โดยเฉพาะในเขตอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดในรอบ 25 ปี

จากข้อมูลล่าสุดในปี 2568 พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีแรงงานข้ามชาติรวมอย่างน้อย 55,208คน โดยอยู่ในจังหวัดสงขลามากที่สุดกว่า 41,000 คน แรงงานจำนวนมากประสบปัญหาความปลอดภัย ความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน รวมถึงความเสียหายต่อเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน และบัตรประกันสุขภาพ ซึ่งส่งผลต่อการเข้าถึงบริการของรัฐและระบบสาธารณสุขโดยตรง

นอกจากผลกระทบต่อชีวิตแรงงาน ภัยพิบัติครั้งนี้ยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างรุนแรง โรงงานกว่า 715 แห่งต้องหยุดการผลิต พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 37,000ไร่ การขนส่งถูกตัดขาด และคาดการณ์ความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง วันละ 1,000-1,500ล้านบาท

 

ข้อเรียกร้องสำคัญ 8 ข้อ เพื่อคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในภาวะวิกฤติ

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ระบุข้อเสนอเร่งด่วนที่กระทรวงแรงงานและหน่วยงานรัฐควรดำเนินการ ได้แก่

1. ประกาศรับสมัครอาสาสมัครที่เป็นแรงงานข้ามชาติ ร่วมกับกลุ่มบรรเทาสาธารณภัย ในการติดตามให้การช่วยเหลือแรงงาน ในภาษาที่แรงงานข้ามชาติสามารถสื่อสารได้

2. ประกาศนโยบายช่วยเหลือฉุกเฉินแก่แรงงานข้ามชาติที่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานให้ถือเป็นวันหยุดโดยไม่คำนวนหักเป็นวันหยุดตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้แก่แรงงานที่ประสบภัยสามารถรับมือกับวิฤติโดยมิพักต้องกังวลถึงผลกระทบจากการหยุดงานซึ่งอาจจะมีผลต่อการพิจารณาสิทธิพิเศษตามนโยบายของนายจ้าง (หากมี)

3. แรงงานข้ามชาติจำนวนมากเป็นแรงงานอัตราจ้างรายวัน กล่าวคือจะได้รับค่าจ้างเฉพาะในวันที่ทำงานจริงเท่านั้น  ดังนั้นในห้วงวิฤตินี้จึงไม่สามารถไปทำงานและมีเงินค่าจ้างได้ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของแรงงานข้ามชาติในการชำระเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงานควรพิจารณาผ่อนผันการใช้เงินสมทบฝ่ายนายจ้าง-ลูกจ้างเป็นการชั่วคราวอย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

4. สำนักงานประกันสังคมเร่งประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์จากกองทุนที่ลูกจ้างสามารถใช้สิทธิในเนื่องจากภาวะวิฤตินี้โดยเร็วและควรต้องมีภาษาของแรงงานข้ามชาติอย่างน้อย 2ภาษา คือภาษาเมียนมาและภาษากัมพูชา โดยเฉพาะสิทธิกรณีว่างงาน เป็นต้น

5. หลังวิฤตการณ์ครั้งนี้แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูโดยเฉพาะที่พักอาศัยและอาจจะยังไม่สามารถกลับเข้าไปทำงานตามปกติได้ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อเป็นเร่งการบำบัดฟื้นฟูกระทรวงแรงงานควรพิจารณาออกนโยบายการสงเคราะห์ลูกจ้างผ่านกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แรงงานทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่เลือกปฎิบัติรวมถึงลดเงื่อนไขการพิจารณาเพื่อให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงได้โดยสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

6. กระทรวงแรงงานควรพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในการบรรเทาสาธารณะภัยและต้องประชาสัมพันธ์ให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงข้อมูลและเข้าถึงกองทุนโดยเร็ว

7. กระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางานและสำนักงานจัดหางานจังหวัดต้องจัดทำศูนย์ประสานงานการออกเอกสารแทนใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม รวมทั้งมีมาตรการผ่อนผันการอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยให้เอกสารแทนใบอนุญาตทำงานเป็นเอกสารแสดงตนแทนหนังสือเดินทางและการตรวจลงตราวีซ่าเพื่อรองรับสถานการณ์เอกสารหนังสือเดินทางสูญหายตามระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยตามสิทธิของแรงงานข้ามชาติ หรืออย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินการจัดทำเอกสารแทนหนังสือเดินทางจากประเทศต้นทางยังเป็นไปโดยความยากลำบาก

8. กระทรวงแรงงานควรพิจารณาและออกนโยบายเร่งด่วนเพื่อขยายระยะเวลาการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่ากลุ่มที่กำลังดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงานและการตรวจตราวีซ่าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดให้ต้องต่อใบอนุญาตทำงานให้เสร็จภายใน 13 ธันวาคม 2568 ซึ่งปัจจุบันยังติดปัญหาในเรื่องการยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานผ่านระบบ E-workpermit ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โดยผ่อนผันให้สามารถอยู่และทำงานในราชอาณาจักรออกไปเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2568 ถึง13 มีนาคม 2569

 

ทางเครือข่ายย้ำว่า รัฐจำเป็นต้องดำเนินนโยบายเชิงรุกอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของแรงงานทุกคน ไม่ว่าจะถือสัญชาติใด

 

แรงงานข้ามชาติฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย

ข้อมูลจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน ฉบับประจำเดือน ตุลาคม 2568 รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตทำงานทั่วราชอาณาจักร มีจำนวนทั้งสิ้น 3,948,355 คน แรงงานเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในหลายอุตสาหกรรม อาทิ

  • ประมงและอาหารทะเล ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมส่งออกสำคัญของประเทศ
  • การก่อสร้าง ปัจจัยหลักของโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเมือง
  • อุตสาหกรรมแปรรูปและโรงงาน ที่ขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานไทย
  • ภาคบริการและท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้
  • ภาคเกษตรกรรม ที่ต้องพึ่งแรงงานข้ามชาติในงานผลิตผลทางการเกษตร

งานวิจัยหลายฉบับระบุว่า แรงงานข้ามชาติช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงานไทย และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจนับ แสนล้านบาทต่อปี การดูแลแรงงานในช่วงภาวะภัยพิบัติจึงไม่เพียงเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ยังเป็นการปกป้องเสาหลักของเศรษฐกิจไทยให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังวิกฤติ

 

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติระบุว่า การออกมาตรการช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมและเข้าถึงได้ จะทำให้แรงงานทุกคนสามารถฟื้นฟูชีวิตและกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมขอความร่วมมือจากรัฐบาลในการเร่งพิจารณานโยบายตามข้อเรียกร้องโดยเร็วที่สุด

 

 

ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม:

Facebook : Migrant Working Group
E-mail: contact@mwgthailand.org

 

Recent posts