4 December 2025
39
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทดบุกจวนผู้ว่าฯ โคราช จี้ความโปร่งใสปมเหมืองโปแตช - ชี้ข้อมูลรัฐขัดแย้ง - ผลกระทบสิ่งแวดล้อมลุกลาม เรียกร้องเร่งประชุมคณะทำงานเพื่อปกป้องประชาชน
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 บริเวณศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาเต็มไปด้วยชาวบ้านกว่า 50 คน จากกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ที่เดินทางเพื่อทวงถามความคืบหน้าการตรวจสอบการลักลอบใช้วัตถุระเบิดและผลกระทบจากโครงการเหมืองโปแตชของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด หลังจังหวัดมีหนังสือตอบกลับที่ไม่ครบถ้วน ล่าช้า ไร้หลักฐาน ทั้งที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยสาธารณะและสิ่งแวดล้อมของประชาชน
หนึ่งในเอกสารที่ชาวบ้านร้องขอมาตลอดหลายปี คือ รายงานการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการอนุญาตวัตถุระเบิด ปี 2559 ซึ่งจำเป็นต่อการตรวจสอบเส้นทางการอนุญาตใช้วัตถุระเบิดของบริษัทรายนี้ แต่จังหวัดยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดข้อกังวลเรื่องความโปร่งใสในการกำกับดูแลกิจการเหมือง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากกองทัพบกที่รายงานต่อคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ระบุชัดว่า บริษัทไทยคาลิฯ ใช้และเบิกวัตถุระเบิดจริงในปี 2561 กว่า 7,000 นัด และมีการทำลายวัตถุระเบิดส่วนที่เหลือตามขั้นตอนของหน่วย EOD
ข้อมูลดังกล่าวกลับขัดแย้งกับคำชี้แจงของที่ทำการปกครองจังหวัดที่ระบุว่า ไม่พบการลักลอบใช้วัตถุระเบิด ทำให้ชาวบ้านเรียกร้องให้จังหวัดเปิดหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ชาวบ้านยังตั้งคำถามถึงคำชี้แจงของจังหวัดที่ระบุว่า บริษัท China Coal No.3 Mine Construction (CCMC) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทไทยคาลิฯ ทั้งที่มีเอกสารและประชาสัมพันธ์ของบริษัทเองระบุความเกี่ยวข้องไว้ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้เปิดเผย คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการตรวจสอบภาครัฐ
กลุ่มชาวบ้านยังทวงถามถึงการประชุมคณะทำงานตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าฯ เป็นประธาน หลังจากคณะกรรมาธิการฯ มีมติให้ประชุมภายในเดือนพฤศจิกายน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ พื้นที่รอบกิจการเหมืองเริ่มเกิดดินเค็ม-น้ำเค็มผุดหลายจุดต่อเนื่อง ลักษณะเดียวกับเหตุการณ์ปี 2562 ชาวบ้านคาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเจาะอุโมงค์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกระทบต่อสมดุลน้ำใต้ดิน แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้เพราะคณะทำงานไม่ประชุม
เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมยืนยันว่าผู้ว่าฯ จะลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย กลุ่มต้องเดินขึ้นไปยื่นหนังสือที่หน้าห้องผู้ว่าฯ เอง กระทั่งเวลา 12.10 น. นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาจึงออกมารับหนังสือ และระบุเพียงว่าเป็นเรื่องสำคัญและต้องดำเนินการตามกฎหมาย
จงดี มินขุนทด ตัวแทนผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า “พวกเราเกิดและเติบโตที่นี่ จะให้ไปอยู่ที่ไหน? พวกคุณมีเงินเดือน แต่พวกเราต้องพึ่งพาฝน ดิน น้ำ เพื่อทำกิน เราขอให้หยุดมองประชาชนเป็นศัตรู ถ้าพวกคุณนำพาความเจริญจริง วันนี้พวกเราจะไม่มายืนตรงนี้เลย”
ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านยอมรับว่า รู้สึกผิดหวังกับท่าทีของผู้ว่าฯ ที่ยังไม่แสดงทัศนะหรือแนวทางชัดเจนต่อปัญหาผลกระทบจากเหมืองโปแตช แม้มีข้อมูลจากหลายหน่วยงานที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน กองทัพบก และการดำเนินคดีของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ทำให้กลุ่มเชื่อว่า หลักฐานเพียงพอแล้วในการยืนยันว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากโครงการเหมืองโปแตช ซึ่งเป็นกิจการเดียวที่สามารถก่อผลกระทบลักษณะนี้ในพื้นที่
ชาวบ้านเรียกร้องให้จังหวัดเร่งประชุมคณะทำงาน สรุปสาเหตุ วางแนวทางแก้ไข และจัดการเยียวยาผลกระทบโดยด่วน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติ
กลุ่มชี้ว่า ปัญหาเหมืองโปแตชสะท้อนประเด็นใหญ่ของประเทศ ทั้งระบบกำกับดูแลที่อ่อนแอ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ลุกลาม และความเชื่อมโยงของทุนเทา ต่างชาติจากจีนและกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐไม่อาจละเลย
ข้อมูลและภาพจาก กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: